การที่เรานั้นได้บันทึกสิ่งใดก็แล้วแต่ไปในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเราก็จะส่งผลต่อการบันทึกข้อมูลบน HDD โดยตรงทำให้มีการใช้พื้นที่การเก็บข้อมูลที่แตกต่างกันออกไปตามขนาดของข้อมูลนั้นๆ ซึ่งตามหลักนั้นถ้าข้อมูลมีปริมานที่มากแล้วมาทีหลังนั้นก็จะมีการแบ่งออกไปไว้ตามจุดต่างๆที่ว่างพอจะให้แทรกลงไปเท่ากับว่าข้อมูลอันใหญ่นั้นจะไม่ได้อยู่จุดเดียวกันทำให้เวลาการหาข้อมูลนั้นก็จะต้องทำการหาข้อมูลส่วนนั้นนานขึ้นเพราะต้องนำข้อมูลจากหลายๆที่มาคำนวณและอาจทำให้ข้อมูลบางส่วนนั้นเสียหายได้ โดยปกติแล้วนั้นจะมี แนะนำให้ทำการลบข้อมูลที่ไม่ได้ใช้ออกไปบ้างเพื่อไม่ให้เป็นการรกข้อมูลใน HDD อีกทั้งยังทำให้การทำงานของคอมพิวเตอร์นั้นเร็วขึ้นอีกด้วยเพราะทุกครั้งที่เปิดเครื่องคอมพิวเตอร์นั้นคอมพิวเตอร์จำเป็นต้องทำการประมวลผลทั้งหมดทุกครั้งจึงจะทำให้ใช้เวลานานขึ้น
มีอยู่วิธีหนึ่งที่พอจะช่วยได้นั้นก็คือ Disk defragmenter เพราะจะทำให้ข้อมูลที่กระจายกันอยู่มารวมตัวกันในพื้นที่ที่ว่างก่อน ตัวอย่างเช่น มีพื้นที่ข้อมูลอยู่ 10 จุด แต่ข้อมูลที่เราจะเพิ่มเข้าไปนั้นต้องการ 4 จุด ซึ่งจุดที่ว่างอยู่นั้น มี 1 3 5 8 9 ข้อมูล 4 จุดที่ต้องการใช้พื้นที่ก็จะไปอยู่ที่ 1 3 5 8 เพราะ 2 4 6 7 นั้นมีข้อมูลอยู่แล้ว ถ้าก่อนการใส่ข้อมูลใหม่ลงไปได้ทำการ Disk defragmenter ข้อมูลที่ 2 4 6 7 นั้นจะถูกเรียงไปอยู่ลำดับต้นๆก่อนแล้วข้อมูลล่าสุดนั้นจะถูกจัดไปลงไว้ในจุดที่ติดๆกันอย่างต่อเนื่องทำให้เวลาเราเรียกใช้โปรแกรมต่างๆนั้นจะทำการรันหรือหาข้อมูลจากจุดที่ใกล้กันไม่กระโดดไปหาให้เสียเวลา เป็นโปรแกรมง่ายๆอย่างหนึ่งซึ่งจะถือว่าจำเป็นก็อาจจะใช้เพราะมีติดมากับการลง Windows แทบทุกรุ่นเลยก็ว่าได้